ข้อศอกดำทำอย่างไรให้เนียนสวยอีกครั้ง

          หากคุณอยากเป็นสาวที่เนียบดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้าควรสวยทุกส่วนและหมั่นดูแลผิวพรรณ และเชื่อได้ว่าคุณสาวๆเกือบทุกคนมักจะมีปัญหานี้เกิดขึ้นกับตัวเองนั่นก็คือ ข้อศอกดำ ทำให้สาวๆไม่มั่นใจที่จะใส่เสื้ออวดแขนเรียวสวยเพียงเพราะข้อศอกดำกร้าน ที่ข้อศอกของสาวๆเป็นแบบนี้เกิดจากการที่เวลานั่งทำงานใช้ศอกเท้ากับโต๊ะทำงาน เกิดจากการเสียดสีอื่นอีกมากมาย สาวๆส่วนใหญ่ที่มีข้อศอกดำกร้านมากๆมักจะมองข้ามละเลยการดูแลเอาใจใส่ตรงส่วนนี้ไปเพราะคิดว่าเรื่องเล็กน้อย ไม่เป็นอะไรหรอกเรื่องธรรมชาติ แต่สาวๆคะ ถ้ายิ่งปล่อยหว้มันจะยิ่งดำกร้านจนเกินจะเยียวยาเลยล่ะค่ะ วันนี้เราจึงมีวิธีแก้ปัญหาป้องกันและบำรุงข้อศอกของสาวๆมาฝากกันค่ะ
          อันดับแรกเลยนะคะ ที่คุณสาวๆต้องระวังพฤติกรรมตัวเองให้ดีเพราะมักเผลอเป็นประจำนั้นคือไม่ควรเท้าข้อศอกกับโต๊ะทำงาน และหลีกเลี่ยงการกระแทกกับของต่างๆและหลีกเลี่ยงการเสียดสีที่รุนแรง เพราะการทำสิ่งเหล่านี้จะทำให้ข้อศอกของสาวๆดำด้านกร้านนั่นเองค่ะ หลีกเลี่ยงการกระทำพวกนี้แล้วจึงค่อยๆเริ่มมาเริ่มบำรุงและแก้ปัญหานี้กันค่ะ มาถึงวิธีการแก้ปัญหาที่สามารถใช้ได้ผลและราคาไม่แพง โดยสามารถทำเองได้ที่บ้าน ในวันนี้เราได้นำมาแบ่งปันสาวๆให้ไปลองทำกันค่ะ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ค่ะ
 
สูตรที่ 1 มะนาว หรือมะขามเปียก 
ใช้มะนาว 1-2 ลูก นำมาผ่าครึ่ง หรือ มะขามเปียกแช่น้ำไว้เล็กน้อยแล้วจึง นำมาขัด ข้อศอก ตรงส่วนบริเวณข้อศอกที่ดำหยาบกร้าน ขัดและถูวนๆไป หลังจากนั้นปล่อยทิ้งไว้ยังไม่ต้องล้างออกประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด มะนาวและมะขามเปียกจะเป็นตัวที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออก หลังจากที่ทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าผิวบริเวณนั้นจะขาวใสขึ้นและนุ่มขึ้น
 
สูตรที่ 2 น้ำส้มสายชูและโยเกิร์ต
ใช้น้ำส้มสายชูอัตราส่วน ½ ถ้วยมาผสมกับโยเกิร์ตในอัตราส่วนที่เท่ากัน แล้วนำที่ผสมเสร็จแล้วมาขัด ถูวนๆไปสักพัก หลังจากนั้นนำส่วนที่เหลือมาทาพอกทิ้งไว้บริเวณข้อศอกที่หยาบกร้านทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด แล้วจึงทาโลชั่นบำรุงผิวลงไป เพราะกรดของน้ำส้มสายชูจะช่วยผลัดเซลล์ผิวบริเวณข้อศอกขาวให้ขาวกระจ่างใส และตัวโยเกิร์ตจะช่วยบำรุงให้ข้อศอกเนียนนุ่มไม่แห้งกร้าน สูตรนี้สามารถใช้เป็นประจำได้ทุกวันในช่วงอาทิตย์แรกเท่านั้นนะคะ แล้วหลังจากอาทิตย์แรกให้ทำเพียงอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เพราะน้ำส้มสายชูมีกรดสูงจึงไม่ควรทำบ่อยๆนะคะสาวๆ
 
สูตรที่ 3 สับปะรด
ใช้สับปะรด 1 ลูก นำไปปั่นให้ละเอียด แล้วนำไปแช่ตู้เย็นประมาณ 5-10 นาที  จากนั้นนำสับปะรดที่แช่มาขัด ถู วนให้เป็นวงกลมที่ผิวบริเวณข้อศอกแล้วนำส่วนที่เหลือมาทพอกทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด สูตรนี้จะลดความด้านของผิวบริเวณข้อศอกได้ดีและทำให้ผิวขาวเนียนนุ่ม เพราะสับปะรดนั้นมีเอนไซม์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว  สูตรนี้สามารถทำได้ทุกวันค่ะ
 
สูตรที่ 4 เกลือและเบบี้ออยล์
 ใช้เกลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ มาผสมกับเบบี้ออยล์ คนให้เข้ากัน ไม่ต้องคนจนเกลือละลาย เมื่อคนเสร็จแล้วให้นำมาขัด ถูเบาๆ ขัดเป็นวงกลม วนๆที่บริเวณข้อศอกที่หยาบกร้านแล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด แล้วรีบทาโลชั่นบำรุงผิวบริเวณนั้นทันที สูตรนี้ไม่ควรทำติดต่อกันเป็นประจำทุกวันนะคะ ควรทำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง
 
สูตรที่ 5 น้ำตาลทรายแดงและน้ำผึ้ง
ใช้น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะมาผสมกับน้ำผึ้ง ½ - 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน ไม่ต้องคนให้น้ำตาลละลาย เมื่อคนเสร็จแล้วให้นำมาขัด ถูวนเป็นวงกลมเบา ๆ ที่ผิวบริเวณข้อศอกที่หยาบกร้านแล้วจึงปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาดสูตรนี้ไม่ควรทำติดต่อกันเป็นประจำทุกวัน ควรทำเพียงอาทิตย์ละ 2- 3ครั้ง สูตรนี้ได้น้ำผึ้งช่วยบำรุงผิวเนียนนุ่มมากยิ่งขึ้น
 
สูตรที่ 6 น้ำมันมะพร้าว
การเลือกใช้น้ำมันมะพร้าวมานวดบริเวณข้อศอกหรือผิวที่หยาบกร้านเป็นประจำหลังอาบน้ำ โดยไม่ต้องเช็ดตัวจนแห้ง ก็จะช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น ไม่หยาบกร้านอีกต่อไป เพราะน้ำมันมะพร้าวมีวิตามินอีซึ่งสามารถช่วยลดความดำและป้องกันไม่ให้ผิวแห้งกร้านได้ดีค่ะสามารถใช้เป็นประจำได้ทุกวันค่ะ
 
          นอกจากสูตรที่ได้กล่าวมาในข้างต้นโดยสามารถทำตามได้ไม่ยาก และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือควรหมั่นทาโลชั่นบำรุงผิวที่บริเวณข้อศอกอย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ เพราะการทาโลชั่นบำรุงผิวจะช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น สว่างกระจ่างใส และไม่แห้งกร้าน เพราะฉะนั้นทุกวันเช้าและเย็นหรือตอนหลังอาบน้ำเสร็จ สาว ๆควรทาโลชั่นบำรุงผิวอย่างเป็นประจำ และนอกจากนี้ก่อนที่สาวๆทั้งหลายจะออกจากบ้านควรทาครีมกันแดดที่บริเวณข้อศอกด้วยนะคะ เพราะผิวบริเวณข้อศอกนี้จะเป็นผิวส่วนที่ไวต่อแสงแดดและคล้ำง่ายมากๆ  สาวๆต้องไม่ลืมทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง  และสูตรการดูแลข้อศอกที่ได้กล่าวมาเป็นการบำรุงที่สามารถทำได้ประจำอย่างสม่ำเสมอโดยไม่มีผลข้างเคียง โดยต้องอาศัยความมีวินัยและขยันหมั่นบำรุง รับรองเห็นผลแน่นอนค่ะ